สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่นักลงทุน REITs ต้องรู้ เตรียมพร้อมรับเงินปันผลสูงสุดในปี 2569

0
7

สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่นักลงทุน REITs ต้องรู้ เตรียมพร้อมรับเงินปันผลสูงสุดในปี 2569

เกริ่นนำ

ในโลกของการลงทุนที่ซับซ้อนและผันผวน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบไม่ใช้เงินก้อนใหญ่ (REITs) หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ได้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend Yield) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า แม้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานของ REITs จะสูง แต่กุญแจสำคัญที่แท้จริงในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวคือ “ประสิทธิภาพทางภาษี” ที่คุณได้รับ

การลงทุนใน REITs ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อหลักทรัพย์ แต่คือการเข้าถึงรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่โดยตรง การทำความเข้าใจกฎหมายและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังปรับตัว และทุกบาททุกสตางค์ของผลตอบแทนสุทธิ (Net Return) มีความหมายอย่างมาก บทความเชิงลึกนี้จะเจาะลึกถึงโครงสร้างภาษีของ REITs ในประเทศไทย กลไกที่ช่วยให้คุณรับเงินปันผลได้สูงสุด และกลยุทธ์การบริหารจัดการภาษีส่วนบุคคลเพื่อเพิ่มพูนผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ

กฎหมายภาษีและโครงสร้างที่เอื้อต่อการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

หัวใจสำคัญที่ทำให้ REITs แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ คือโครงสร้างทางกฎหมายที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งผ่านรายได้ให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งโครงสร้างนี้มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ชัดเจนทั้งในระดับกองทรัสต์และระดับนักลงทุน

REITs: กลไก “Pass-Through Entity” ที่ลดภาระภาษีซ้ำซ้อน

ตามหลักการสากล กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ถูกจัดตั้งขึ้นให้เป็น “Pass-Through Entity” หรือหน่วยงานที่ส่งผ่านรายได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double Taxation) ซึ่งเป็นปัญหาปกติที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัททั่วไปจ่ายเงินปันผล

สำหรับ REITs ในประเทศไทย กฎหมายกำหนดเงื่อนไขสำคัญไว้ว่า หากกองทรัสต์มีการจ่ายหรือจัดสรรผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วในรอบปีบัญชีนั้น กองทรัสต์จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้ที่เกิดจากการดำเนินงาน (เช่น ค่าเช่า)

การยกเว้นภาษีในระดับกองทรัสต์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหมายความว่า รายได้เกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากอสังหาริมทรัพย์จะถูกส่งผ่านไปยังนักลงทุนโดยตรง ต่างจากบริษัททั่วไปที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล (ปัจจุบัน 20%) ก่อนที่จะนำกำไรส่วนที่เหลือมาจ่ายปันผล ซึ่งทำให้นักลงทุนได้รับเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินปันผล REITs: สิ่งที่นักลงทุนบุคคลธรรมดาต้องจับตา

เมื่อรายได้ถูกส่งผ่านจากกองทรัสต์มายังนักลงทุนบุคคลธรรมดา เงินปันผลที่ได้รับจะถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีที่สำคัญดังนี้:

  1. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax – WHT): โดยปกติ เงินปันผลจาก REITs จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราคงที่ 10% ณ วันที่ได้รับเงินปันผลทันที
  2. ทางเลือกในการรวมคำนวณภาษี: นักลงทุนบุคคลธรรมดามีสิทธิเลือกที่จะไม่นำเงินปันผลส่วนนี้ไปรวมคำนวณกับเงินได้ประเภทอื่น ๆ ในการยื่นภาษีประจำปี (Final Tax) ซึ่งหมายความว่า ภาษี 10% ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายถือเป็นที่สิ้นสุด (Final Tax)

ทางเลือกนี้คือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุน REITs โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานภาษีสูงกว่า 10% (เช่น 15%, 20%, 35%) การเลือกให้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นภาษีสุดท้ายจะช่วยให้พวกเขาประหยัดภาษีได้มาก เพราะไม่ต้องนำเงินปันผลไปถูกประเมินซ้ำในอัตราภาษีที่สูงกว่า 10%

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่มีรายได้น้อยและอยู่ในฐานภาษีต่ำกว่า 10% (เช่น 0% หรือ 5%) พวกเขาสามารถเลือกที่จะนำเงินปันผลไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่น ๆ ในการยื่นภาษีประจำปีได้ หากคำนวณแล้วพบว่าภาษีที่ต้องจ่ายจริงต่ำกว่า 10% ก็จะสามารถขอคืนภาษีส่วนที่ถูกหักไว้เกินได้

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ REITs อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย

ความแตกต่างระหว่าง REITs และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (PFs) ในมุมมองภาษี

แม้ว่า REITs จะเข้ามาแทนที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Funds – PFs) ในตลาด แต่ยังมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงถือหน่วยลงทุนของ PFs เดิมอยู่ สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือความแตกต่างด้านภาษีที่สำคัญ:

PFs ในอดีตเคยได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินปันผลทั้งหมด ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดใจอย่างมาก แต่สิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้หมดอายุลงแล้ว (ส่วนใหญ่นับจากปี 2557 เป็นต้นไป) ในปัจจุบัน เงินปันผลของ PFs จึงต้องเสียภาษีตามเกณฑ์เดียวกับ REITs คือ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และมีทางเลือกในการรวมคำนวณภาษีเช่นกัน ดังนั้น ในปี 2569 โครงสร้างภาษีของทั้งสองประเภทการลงทุนจึงมีความใกล้เคียงกันมากในระดับนักลงทุนบุคคลธรรมดา

กลยุทธ์การบริหารจัดการภาษีเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสุทธิในปี 2569

การบริหารจัดการภาษีอย่างชาญฉลาดไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงภาษี แต่คือการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กฎหมายกำหนดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพอร์ตการลงทุนของคุณ นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับปี 2569

การวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา: การเลือกหัก ณ ที่จ่าย หรือนำไปรวมคำนวณ

การตัดสินใจว่าจะเลือกให้ภาษีเงินปันผล 10% เป็นภาษีสุดท้ายหรือไม่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเพิ่มผลตอบแทนสุทธิ (Net Yield) ของคุณ

กรณีที่ควรเลือก Final Tax (10%):

  • นักลงทุนที่มีฐานภาษีสูงสุด (Marginal Tax Rate) ตั้งแต่ 15% ขึ้นไป (รายได้สุทธิประมาณ 150,001 บาทต่อปีขึ้นไป) การเลือกให้ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ถือเป็นทางเลือกที่ประหยัดที่สุด เพราะอัตราภาษีที่แท้จริงของคุณจะสูงกว่า 10% หากนำไปรวมคำนวณ
  • นักลงทุนที่ต้องการความเรียบง่าย ไม่ต้องการยุ่งยากในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี

กรณีที่ควรเลือกนำไปรวมคำนวณ:

  • นักลงทุนที่มีฐานภาษีต่ำ (0% หรือ 5%) หรือมีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี การนำเงินปันผลไปรวมคำนวณจะทำให้คุณสามารถขอคืนภาษีที่ถูกหัก 10% ไว้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

เคล็ดลับผู้เชี่ยวชาญสำหรับปี 2569: นักลงทุนควรประเมินรายได้รวมของตนเองในช่วงต้นปี และคำนวณจุดคุ้มทุน (Break-Even Point) ของฐานภาษี หากคุณมีรายได้ผันผวน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อจำลองสถานการณ์การยื่นภาษี เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของคุณจะนำไปสู่ผลตอบแทนที่สูงสุด

ภาษีจากกำไรส่วนเกินทุน (Capital Gains Tax) และการจัดการพอร์ต

อีกหนึ่งสิทธิประโยชน์สำคัญของการลงทุนใน REITs ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือการยกเว้นภาษีจากกำไรส่วนเกินทุน (Capital Gains Tax) สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดา

ในปัจจุบัน กำไรที่เกิดจากการขายหน่วยทรัสต์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญมากเมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์

กลยุทธ์การจัดการพอร์ต: การยกเว้น Capital Gains Tax นี้สนับสนุนกลยุทธ์การทำกำไรแบบผสมผสาน (Total Return) นั่นคือ การรับรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ (Yield) ควบคู่ไปกับการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหน่วยทรัสต์ (Capital Appreciation) โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาระภาษีจากการขาย ทำให้การปรับพอร์ตเพื่อทำกำไรในช่วงที่ราคาหน่วยทรัสต์สูงขึ้นสามารถทำได้อย่างคล่องตัว

ข้อควรระวังด้านภาษีที่เกี่ยวข้องกับประเภททรัพย์สินของ REITs (Leasehold vs. Freehold)

นักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบของผลตอบแทนที่ได้รับจาก REITs ซึ่งอาจไม่ได้มาจาก “เงินปันผล” 100% เสมอไป โดยเฉพาะ REITs ที่ลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold)

ในกรณีของ Leasehold REITs เมื่อถึงกำหนดสิ้นสุดอายุสัญญาเช่า กองทรัสต์จะได้รับเงินคืนทุน (Return of Capital) จากการชำระคืนค่าเช่าล่วงหน้าจากผู้ให้เช่า ซึ่งเงินคืนทุนส่วนนี้อาจถูกจัดสรรมาให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ด้วย

  • เงินปันผล (Dividend/Distribution): เป็นส่วนแบ่งจากกำไรสุทธิของกองทรัสต์ (ค่าเช่า) ซึ่งต้องเสียภาษี 10% (ตามที่กล่าวมาข้างต้น)
  • เงินคืนทุน (Return of Capital): เป็นเงินที่นักลงทุนได้รับคืนจากเงินลงทุนเริ่มแรกของตนเอง โดยทั่วไปเงินคืนทุนจะไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามกฎหมายภาษี ณ ขณะที่ได้รับ แต่จะถูกนำไปลดต้นทุนของหน่วยทรัสต์แทน เมื่อมีการขายหน่วยทรัสต์ในอนาคค จึงอาจมีผลต่อการคำนวณกำไรจากการขาย (แม้ว่าปัจจุบันจะยกเว้นภาษี Capital Gains ก็ตาม แต่การบันทึกต้นทุนมีความสำคัญในการคำนวณทางบัญชีสำหรับนิติบุคคล)

การที่ส่วนหนึ่งของผลตอบแทนเป็นเงินคืนทุนที่ไม่ต้องเสียภาษีทันที ทำให้ REITs บางกองดูเหมือนจะมีผลตอบแทนสุทธิ (After-Tax Yield) ที่สูงกว่ากองที่จ่ายเป็นเงินปันผลทั้งหมด นักลงทุนควรตรวจสอบเอกสารประกอบการจ่ายผลประโยชน์ที่ออกโดยบริษัทจัดการอย่างละเอียดทุกครั้ง เพื่อแยกแยะองค์ประกอบของรายได้ให้ถูกต้องก่อนการยื่นภาษี

บทสรุป

กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ยังคงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างกระแสรายได้แบบ Passive Income จากอสังหาริมทรัพย์ โดยมีโครงสร้างภาษีที่เอื้อประโยชน์อย่างชัดเจนในปี พ.ศ. 2569 ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีในระดับกองทรัสต์ (Pass-Through) และสิทธิพิเศษในการเลือกจ่ายภาษีเงินปันผลแบบ Final Tax 10% สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดา

การเตรียมพร้อมรับเงินปันผลสูงสุดในปี 2569 จึงต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจฐานภาษีส่วนบุคคล และตัดสินใจเลือกใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเหมาะสม การเลือกให้ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นภาษีสุดท้ายจะช่วยให้คุณรักษาผลตอบแทนสุทธิไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มรายได้สูง นอกจากนี้ การยกเว้นภาษีกำไรส่วนเกินทุนยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตอีกด้วย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอแนะนำให้นักลงทุนทุกท่านติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีอย่างใกล้ชิด และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลตอบแทนในรูปแบบเงินคืนทุน (Return of Capital) หรือการจัดการภาษีที่ซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงทุนใน REITs ของคุณสามารถส่งมอบผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

[#REITs] [#สิทธิประโยชน์ทางภาษี] [#การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์] [#เงินปันผล] [#ภาษีREITs]