สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่นักลงทุน REITs ต้องรู้ เตรียมพร้อมรับปี 2569: กลยุทธ์เพิ่มผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เกริ่นนำ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบไม่ใช้เงินก้อนใหญ่ (Real Estate Investment Trusts: REITs) ผมขอยืนยันว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่กำหนดผลตอบแทนสุทธิ (Net Return) ของนักลงทุน ไม่ได้มีเพียงแค่ราคาหน่วยลงทุนและอัตราการจ่ายผลตอบแทนเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ‘ประสิทธิภาพทางภาษี’ ของเครื่องมือการลงทุนนั้นๆ ด้วย REITs ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความซ้ำซ้อนทางภาษี (Double Taxation) ที่เกิดขึ้นกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ซึ่งทำให้ REITs มีความโดดเด่นอย่างมากในแง่ของการสร้างกระแสเงินสดรับที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพทางภาษี
บทความนี้จะเจาะลึกถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลักที่นักลงทุน REITs ในประเทศไทยได้รับ รวมถึงข้อควรระวังและกลยุทธ์ที่นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในระบบภาษีของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนสำหรับปี พ.ศ. 2569 เพื่อให้ท่านสามารถเพิ่มผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนใน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบไม่ใช้เงินก้อนใหญ่ (REITs) ได้อย่างเต็มที่
โครงสร้างภาษีและการเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนของ REITs
หัวใจสำคัญของ REITs คือการที่ตัวกองทุนเองได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ในส่วนที่นำไปจ่ายผลประโยชน์ให้ผู้ถือหน่วยลงทุน) ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น การจ่ายผลประโยชน์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งหมายความว่า ภาระภาษีจะถูกผลักไปอยู่ ณ ระดับผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง ทำให้เงินที่จ่ายออกมามีความบริสุทธิ์สูงกว่าการลงทุนในบริษัททั่วไป
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับจากเงินปันผล/ผลประโยชน์ (Distribution Tax)
สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดาในประเทศไทย การรับผลประโยชน์จาก REITs มีความซับซ้อนกว่าการรับเงินปันผลทั่วไป เนื่องจากผลประโยชน์ที่ได้รับจาก REITs อาจแบ่งได้เป็นสองส่วนหลัก และแต่ละส่วนมีนโยบายภาษีที่แตกต่างกัน:
- ส่วนที่เป็นกำไรสุทธิจากรายได้ค่าเช่า (ส่วนแบ่งกำไร): ตามกฎหมายปัจจุบัน เงินที่ผู้ถือหน่วยได้รับจากส่วนแบ่งกำไรสุทธิของ REITs ที่เข้าเกณฑ์ (เช่น REITs ที่ซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์) จะได้รับยกเว้นจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งแตกต่างจากหุ้นทั่วไปที่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และสามารถเลือกนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีหรือไม่ก็ได้ การยกเว้นภาษี ณ ที่จ่ายนี้ถือเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สำคัญที่สุดของ REITs เนื่องจากช่วยให้นักลงทุนได้รับกระแสเงินสดเต็มจำนวนในทันที โดยไม่ต้องรอขอคืนภาษี
- ส่วนที่เป็นการลดทุน/เงินคืนทุน (Return of Capital): เงินที่จ่ายออกมาจากแหล่งเงินทุนอื่นที่ไม่ใช่กำไรสุทธิ เช่น การตัดค่าเสื่อมราคาของอสังหาริมทรัพย์ (Depreciation) หรือการลดทุนจดทะเบียน ส่วนนี้ถือเป็นการคืนเงินต้น (Return of Capital) ให้แก่นักลงทุน ซึ่งไม่ถือเป็นเงินได้ทางภาษี ทำให้ไม่ถูกนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ข้อควรระวัง: นักลงทุนต้องตรวจสอบเอกสารที่ REITs ออกให้เสมอว่า เงินที่ได้รับจัดเป็นประเภทใด เพราะหาก REITs ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่ายได้ (เช่น มีการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ไม่เข้าเกณฑ์) เงินส่วนแบ่งกำไรนั้นอาจต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ตามปกติ
ภาษีกำไรจากการขายหน่วยลงทุน (Capital Gains Tax)
สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดาที่ซื้อขายหน่วยลงทุน REITs ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในส่วนของกำไรจากการขาย (Capital Gains) กล่าวคือ กำไรที่เกิดขึ้นจากการขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปี
สิทธิประโยชน์นี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ REITs ถือครองได้โดยไม่ต้องเสียภาษี อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมทางภาษีนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากรัฐบาลมีการทบทวนนโยบายการจัดเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป นักลงทุนจึงต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าใกล้ปี 2569
การจัดการภาษีของ REITs ที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign REITs)
ในปัจจุบัน REITs ไทยหลายกองเริ่มมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ (เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือเยอรมนี) เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโต หาก REITs ไทยนำเงินได้จากต่างประเทศมาจ่ายผลประโยชน์ให้ผู้ถือหน่วยในประเทศไทย เงินส่วนนี้อาจมีประเด็นทางภาษีที่ซับซ้อนขึ้นอยู่กับอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศนั้นๆ และการตีความของกรมสรรพากร
โดยทั่วไปแล้ว เงินได้ที่มาจากต่างประเทศอาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในประเทศต้นทางก่อน และเมื่อนำกลับเข้ามาในประเทศไทย หากเข้าเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฎหมายไทย ก็อาจไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ อาจต้องพิจารณานำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน ภาษีและสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ REITs โดยเฉพาะ
กลยุทธ์การบริหารจัดการภาษีเพื่อรับมือปี 2569
แม้ว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ REITs จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ในฐานะนักลงทุน เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางนโยบายภาษีในอนาคต
การวิเคราะห์ผลตอบแทนสุทธิ: อย่ามองเพียงแค่ Yield
นักลงทุนมักเปรียบเทียบ REITs ด้วยอัตราผลตอบแทน (Yield) ที่ประกาศออกมา แต่ Yield ที่แท้จริงคือ Yield หลังหักภาษี (Tax-Adjusted Yield) เนื่องจากผลประโยชน์ที่ได้รับจาก REITs ส่วนใหญ่มักเป็นส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย 10% การลงทุนใน REITs จึงมักให้ผลตอบแทนสุทธิที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้นที่มี Yield เท่ากัน
ตัวอย่าง:
- REIT A: Yield 6.0% (ได้รับการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย) → ผลตอบแทนสุทธิ 6.0%
- หุ้น B: Yield 6.0% (ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) → ผลตอบแทนสุทธิ 5.4% (หากไม่นำไปรวมคำนวณภาษีปลายปี)
ความแตกต่าง 0.6% นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในระยะยาว การทำความเข้าใจโครงสร้างภาษีนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือก REITs ที่จะให้ผลตอบแทนสุทธิสูงสุด
การติดตามสถานะการยกเว้นภาษีของกองทุน
สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สำคัญที่สุดของ REITs คือการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งผูกอยู่กับเงื่อนไขที่ REITs ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น การจ่ายผลประโยชน์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิ และการลงทุนในสินทรัพย์หลักตามที่กำหนด หาก REITs กองใดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุน หรือไม่สามารถทำตามเงื่อนไขการจ่ายผลประโยชน์ได้ การยกเว้นภาษีนี้จะถูกเพิกถอนในงวดนั้นๆ
นักลงทุนควรติดตามรายงานประจำปีและประกาศของ REITs อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนยังคงรักษาสถานะการเป็น REITs ที่มีประสิทธิภาพทางภาษีไว้ได้ การละเลยในส่วนนี้อาจทำให้ผลตอบแทนสุทธิของท่านลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่รู้ตัว
การวางแผนภาษีเชิงรุกสำหรับปี 2569
ในปี 2569 และปีต่อๆ ไป คาดว่ารัฐบาลอาจมีการทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีจากตลาดทุน นักลงทุนจึงควรเตรียมพร้อมดังนี้:
- จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ: แยกประเภทของเงินที่ได้รับจาก REITs (ส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับการยกเว้นภาษี, เงินคืนทุน) และกำไรจากการขาย (Capital Gains) ไว้ให้ชัดเจน เพื่อใช้ในการยื่นภาษีและเป็นหลักฐานหากมีการตรวจสอบในภายหลัง
- ประเมินความเสี่ยงด้าน Capital Gains Tax: แม้ว่าปัจจุบันกำไรจากการขายหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย (เช่น การเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นที่ถือครองระยะสั้น) นักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นใน REITs อาจต้องปรับกลยุทธ์การซื้อขาย
- พิจารณาโครงสร้างการถือครอง: หากเป็นนักลงทุนสถาบันหรือนิติบุคคล การถือครอง REITs อาจมีโครงสร้างภาษีที่แตกต่างออกไป (เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล) การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดโครงสร้างการถือครองให้เหมาะสมกับฐานภาษีของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ความรู้ในเรื่องภาษีไม่ใช่แค่เรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การที่ REITs ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหนือกว่าสินทรัพย์อื่นในตลาดทุน ถือเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพทางภาษีในระยะยาว
บทสรุป
REITs ในประเทศไทยยังคงเป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงโดยมีข้อได้เปรียบทางภาษีที่ชัดเจน ทั้งในส่วนของการยกเว้นภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับส่วนแบ่งกำไร และการยกเว้นภาษีกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ สิทธิประโยชน์เหล่านี้ช่วยให้ผลตอบแทนสุทธิของนักลงทุนบุคคลธรรมดาสูงกว่าทางเลือกอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอเน้นย้ำว่า การลงทุนที่ชาญฉลาดต้องมาพร้อมกับการติดตามกฎระเบียบและนโยบายภาษีอย่างต่อเนื่อง การเตรียมพร้อมสำหรับปี 2569 ไม่ได้หมายถึงการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่แน่นอน แต่คือการสร้างความยืดหยุ่นในพอร์ตโฟลิโอ และการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผลตอบแทนใดที่ท่านได้รับนั้นมาจากส่วนที่ได้รับการยกเว้นภาษี และส่วนใดที่ต้องถูกนำไปคำนวณภาษี เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจลงทุนและบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
#REITsTax #ภาษีREITs #สิทธิประโยชน์ทางภาษี #การลงทุนอสังหา #วางแผนภาษี2569










