เช็กด่วน: บัตรเครดิตใบไหนให้คะแนน/แคชแบ็กสูงสุด ในหมวดร้านสะดวกซื้อ 2024 (7-Eleven, FamilyMart, และอื่นๆ)
ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกาแฟยามเช้า เติมน้ำมัน หรือแวะซื้อขนมเล็กๆ น้อยๆ การใช้จ่ายเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเงินจำนวนน้อย แต่เมื่อรวมกันทั้งเดือนหรือทั้งปี ยอดรวมนั้นมหาศาลมากทีเดียว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เราเชื่อว่าทุกการใช้จ่ายควรสร้างผลตอบแทนสูงสุด การเลือกใช้ บัตรเครดิต ที่ถูกต้องในหมวด ร้านสะดวกซื้อ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายจิปาถะให้กลายเป็น คะแนนสะสม หรือ แคชแบ็ก ก้อนโต บทความนี้จะเจาะลึกและเปรียบเทียบว่าในปี 2024 นี้ บัตรใบไหนคือแชมป์ตัวจริงในสมรภูมินี้
ทำไมการใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อถึงสำคัญต่อการเก็บแต้ม?
หลายคนอาจมองข้ามการรูดบัตร 100-200 บาท ในร้าน 7-Eleven หรือ Lotus Go Fresh แต่ลองพิจารณาดูว่าคุณใช้จ่ายในหมวดนี้บ่อยแค่ไหน? อาจจะวันละ 1-2 ครั้ง หรือเดือนละ 30-40 ครั้ง นี่คือการใช้จ่ายที่มีความถี่สูงที่สุดประเภทหนึ่ง
หากคุณใช้บัตรเครดิตทั่วไปที่ให้คะแนน 1 เท่า (25 บาท/1 คะแนน) คุณอาจได้คะแนนไม่มาก แต่สำหรับบัตรที่ออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายรายวันโดยเฉพาะ (Multiplier Cards) ที่ให้คะแนน 5 เท่า หรือแคชแบ็ก 5-10% ยอดรวมของรางวัลที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้การเลือกบัตรที่ใช่ในหมวดนี้มีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง
เกณฑ์การเลือกบัตรเครดิตที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับร้านสะดวกซื้อ
ก่อนที่เราจะไปดูรายชื่อบัตรตัวท็อป เราต้องเข้าใจก่อนว่าเกณฑ์การพิจารณาสำหรับหมวดร้านสะดวกซื้อนั้นแตกต่างจากการใช้จ่ายก้อนใหญ่ เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือการผ่อนสินค้า
บัตรสายแคชแบ็ก: คืนเงินทันทีไม่ต้องลุ้น
สำหรับนักช้อปที่ต้องการความเรียบง่ายและผลตอบแทนที่ชัดเจน แคชแบ็ก คือคำตอบที่ดีที่สุด บัตรแคชแบ็กที่ดีในหมวดร้านสะดวกซื้อควรมีคุณสมบัติดังนี้:
- อัตราคืนเงินสูง: ควรเริ่มต้นที่ 3% ขึ้นไป โดยเฉพาะในร้านค้าที่ระบุ
- เงื่อนไขการใช้จ่ายต่ำ: บัตรบางใบกำหนดให้ต้องใช้จ่ายรวมต่อเดือนสูงมากเพื่อรับแคชแบ็กสูงสุด แต่สำหรับร้านสะดวกซื้อ ควรเป็นบัตรที่ไม่มีเงื่อนไขยุ่งยาก
- เพดานการคืนเงินที่เหมาะสม: เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายเล็กน้อย เพดานแคชแบ็กต่อเดือนไม่จำเป็นต้องสูงมาก (เช่น 500-1,000 บาทต่อเดือน) แต่ต้องครอบคลุมยอดการใช้จ่ายจริงของเรา
บัตรสายคะแนนสะสม: แลกของรางวัลหรือตั๋วเครื่องบิน
ถ้าคุณเป็นสายสะสมแต้มเพื่อแลกตั๋วเครื่องบิน (Mileage) หรือของรางวัลใหญ่ คุณต้องมองหาบัตรที่ให้คะแนนแบบทวีคูณ (Multiplier Points)
- คะแนนทวีคูณ (X เท่า): บัตรที่ให้คะแนน 3X, 5X หรือแม้แต่ 10X ในหมวดร้านสะดวกซื้อถือว่าน่าสนใจมาก
- การจำกัดยอดใช้จ่าย: บัตรประเภทนี้มักมีเพดานการให้คะแนนทวีคูณต่อรอบบัญชี (เช่น ไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือนในหมวดนี้) ต้องตรวจสอบให้ดีว่ายอดใช้จ่ายของคุณไม่เกินเพดาน
เปิดโผบัตรเครดิตตัวท็อปสำหรับร้านสะดวกซื้อ ปี 2024
ในปี 2024 นี้ โปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มบัตรที่เน้นการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (Daily Spending) เราได้คัดเลือกบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดมาให้พิจารณา
1. กลุ่มแชมป์แคชแบ็กรายวัน (เน้นคืนเงินสูงสุด)
บัตรในกลุ่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการยุ่งยากกับการแลกคะแนน ขอแค่ได้เงินคืนเข้าบัญชีทันทีที่รูด
ตัวอย่างบัตรที่น่าสนใจ:
- บัตร A (เน้นการใช้จ่ายออนไลน์/รายวัน): มักให้ แคชแบ็ก สูงถึง 5-10% สำหรับการใช้จ่ายตามร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือการใช้จ่ายผ่าน E-Wallet ที่ใช้ในร้านสะดวกซื้อได้ (เช่น TrueMoney Wallet หรือ Rabbit Line Pay) โดยมีเงื่อนไขการใช้จ่ายรวมต่อเดือนที่ต้องถึงเกณฑ์
- บัตร B (บัตรสำหรับชีวิตเมือง): ให้แคชแบ็กคงที่ 3% – 5% ในหมวดร้านสะดวกซื้อหลักๆ (เช่น 7-Eleven) โดยมักมีข้อจำกัดเรื่องเพดานการคืนเงินต่อเดือนที่ชัดเจน
2. กลุ่มคะแนนทวีคูณ (เปลี่ยนการซื้อกาแฟเป็นไมล์สะสม)
สำหรับผู้ที่ใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อเป็นประจำ และต้องการสะสมไมล์เพื่อเดินทาง
ตัวอย่างบัตรที่น่าสนใจ:
- บัตร C (สายสะสมคะแนนพรีเมียม): บัตรกลุ่มนี้อาจให้คะแนนสูงสุดถึง 5X หรือ 7X เมื่อใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อที่กำหนด (เช่น 25 บาท ได้ 5 คะแนน แทนที่จะได้ 1 คะแนน) ซึ่งเมื่อนำไปแลกเป็นไมล์สะสม จะมีมูลค่าสูงกว่าอัตราแคชแบ็กทั่วไป
3. บัตรเครดิตที่ผูกกับร้านค้าโดยตรง (Co-branded Cards)
แม้ว่าบัตร Co-branded จะมีจำนวนลดลง แต่บางบัตรยังคงให้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามาก หากคุณเป็นลูกค้าประจำของร้านสะดวกซื้อในเครือใดเครือหนึ่งโดยเฉพาะ การใช้บัตรที่ผูกกับเครือนั้นอาจให้ส่วนลดหรือคะแนนพิเศษเพิ่มเติม (เช่น ส่วนลดทันที หรือคะแนนพิเศษเมื่อซื้อสินค้าโปรโมชั่น)
ข้อควรระวังก่อนรูดบัตรในร้านสะดวกซื้อ
เพื่อให้การใช้จ่ายของคุณคุ้มค่าที่สุดตามที่บัตรโฆษณาไว้ คุณต้องอ่านเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่เสมอ
1. ตรวจสอบ “ร้านสะดวกซื้อ” ที่ร่วมรายการ
บัตรบางใบระบุว่าให้คะแนนสูงในหมวด “ร้านสะดวกซื้อ” แต่เมื่อเจาะลึก อาจหมายถึงแค่ 7-Eleven เท่านั้น ไม่รวม FamilyMart หรือ Lotus Go Fresh ดังนั้นต้องแน่ใจว่าร้านที่คุณเข้าประจำอยู่ในรายชื่อที่ร่วมรายการหรือไม่
2. การจำกัดยอดใช้จ่ายต่อรายการ
บัตรบางประเภทจะกำหนดให้การใช้จ่ายต่อรายการต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า X บาท (เช่น 300 บาท) เพื่อรับคะแนนทวีคูณ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับการซื้อน้ำเปล่าหรือขนมเพียงเล็กน้อย
3. สินค้าที่ไม่ร่วมโปรโมชั่น
การซื้อสินค้าบางประเภท เช่น การเติมเงินมือถือ การซื้อบัตรเติมเงิน หรือการชำระบิลค่าสาธารณูปโภคที่เคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อ มักจะถูกยกเว้นจากการให้คะแนน คะแนนสะสม หรือ แคชแบ็ก พิเศษ ควรตรวจสอบข้อยกเว้นเหล่านี้ก่อนทำการจ่ายเงิน
สรุป: เปลี่ยนรายจ่ายเล็กน้อยให้เป็นรางวัลใหญ่
การใช้จ่ายใน ร้านสะดวกซื้อ เป็นการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกวัน การเลือก บัตรเครดิต ที่เหมาะสมจึงเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ชาญฉลาดที่สุดในปี 2024 หากคุณใช้จ่ายในหมวดนี้เป็นประจำ และยอดรวมต่อเดือนเกิน 3,000 บาทขึ้นไป การเปลี่ยนมาใช้บัตรที่ให้ แคชแบ็ก หรือ คะแนนสะสม แบบทวีคูณ จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้หลายพันบาทต่อปี หรือได้ไมล์สะสมมากพอที่จะแลกเที่ยวบินในประเทศได้เลยทีเดียว
อย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขและเพดานการให้รางวัลของแต่ละบัตรให้ดี เพื่อให้ทุกการรูดบัตรของคุณที่เคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อ สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าสูงสุด!









